แนวข้อสอบวัดแววความเป็นครู (แม่นจัง)

แนวข้อสอบ
หลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร

1. หลักการสำคัญของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
   ก. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน
   ข. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ
   ค. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ
   ง. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ

ตอบ ข. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ

2. จุดหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
   ก. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์
   ข. มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ
   ค. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
   ง. มีความเชื่อมั่นในตนเอง

ตอบ  ง. มีความเชื่อมั่นในตนเอง

3. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ก.     ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา

ข.     ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ค.     ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการเรียนรู้

ง.      ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการคิด

ตอบ  ค. ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการเรียนรู้

4. ข้อใดกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ได้ถูกต้อง

ก.     ใช้คุณลักษณะอันพึงประสงค์ทุกข้อที่กำหนดเท่านั้น

ข.     เลือกใช้คุณลักษณะอันพึงประสงค์บางข้อเท่านั้น

ค.     เลือกใช้คุณลักษณะอันพึงประสงค์บางข้อ และสามารถเพิ่มเติมได้ตามที่สถานศึกษาต้องการ

ง.      ใช้คุณลักษณะอันพึงประสงค์ทุกข้อที่กำหนด และสามารถเพิ่มเติมได้ตามที่สถานศึกษาต้องการ

ตอบ  ง. ใช้คุณลักษณะอันพึงประสงค์ทุกข้อที่กำหนด และสามารถเพิ่มเติมได้ตามที่สถานศึกษาต้องการ

5. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จัดระดับการศึกษาเป็นกี่ระดับ ได้แก่อะไรบ้าง

ก.     2 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา

ข.     3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ค.     4 ระดับ ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ง.       4 ระดับ ได้แก่ ช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) ช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-6) ช่วงชั้นที่ 3 (ม.1-3) ช่วงชั้นที่ 4 (ม.4-6)

ตอบ  ข. 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

6. การประเมินผลการเรียนในรายวิชาต่างๆ ข้อใดกล่าวถูกต้อง
   ก. ระดับประถมศึกษาประเมินผลการเรียนเป็นรายภาค
   ข. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นประเมินผลการเรียนเป็นรายปี
   ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นประเมินผลการเรียนเป็นรายภาค
   ง. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเมินผลการเรียนเป็นรายปี

ตอบ  ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นประเมินผลการเรียนเป็นรายภาค

7. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการประกาศการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ก.     ปีการศึกษา 2551 ประกาศเตรียมการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และใช้ ป.1, ป.4, ม1, ม.4 ในโรงเรียนต้นแบบ

ข.     ปีการศึกษา 2552 ใช้ ป.1, ป.4, ม1, ม.4 ในโรงเรียนโรงเรียนพร้อมใช้

ค.     ปีการศึกษา 2553 ใช้ ป.1, ป.4, ม.1,ม.4 ในโรงเรียนทั่วไป

ง.       ปีการศึกษา 2555 ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ครบทุกชั้นทั้งประเทศ

ตอบ  ง. ปีการศึกษา 2555 ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ครบทุกชั้นทั้งประเทศ

 

8.  เกณฑ์การจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ข้อใดถูกต้อง
   ก. เรียนวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต
   ข. เรียนวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 80 หน่วยกิต
   ค. เรียนวิชาพื้นฐานและเพิ่มและได้ผ่านทุกรายวิชา
   ง. เรียนวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมและต้องได้รับการตัดสิน

ตอบ  ก. เรียนวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต

9. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กิจกรรมใดที่เพิ่มเติม จากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544
   ก. กิจกรรมแนะแนว
   ข. กิจกรรมนักเรียน
   ค. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
   ง. กิจกรรมแนะแนวและกิจกรรมนักเรียน

ตอบ   ค. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์

10. องค์ประกอบใดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ไม่ปรากฏในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544
    1) วิสัยทัศน์                                            2) สมรรถนะ
    3) มาตรฐานการเรียนรู้                             4) ตัวชี้วัด
    5) คุณลักษณะอันพึงประสงค์
    ก. ข้อ 1, 2 และ 3                                                            ข. ข้อ 1, 2 และ 4
    ค. ข้อ 2, 3 และ 4                                                            ง. ข้อ 2, 4 และ 5

ตอบ   ข. ข้อ 1, 2 และ 4

 

 

 

 

 

 

 

แนวข้อสอบ มาตรฐานที่ 7 การวิจัยทางการศึกษา

1.       การแสวงหาความรู้โดยอาศัยเหตุผลเป็นการแสวงหาความรู้โดยวิธีใด

ตอบ ... วิธีอนุมาน

2.       การเก็บข้อมูลส่วนย่อยเพียงบางส่วนแล้วนำมาสรุปเป็นความจริงหลักเรียกว่าวิธีการใด

ตอบ... Imperfect Induction

3.       การแสวงหาความรู้แบบหาสาเหตุร่วมของเหตุการณ์ทุกครั้งที่เกิดขึ้นเป็นวิธีการใด

ตอบ...วิธีของความสอดคล้อง

4.       การสังหรณ์ใจและการหยั่งรู้ของคนเรา เป็นวิธีการแสวงหาความรู้แบบใด ... ลองผิดลองถูก

5.       วิธีการวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีการสังเกตเพื่ออะไร

ตอบ ... ทำนาย อธิบายความจริง ควบคุม และบรรยายปรากฏการณ์ต่างๆ

6.       ข้อใดเป็นขั้นตอนของวิธีการทางวิทยาศาสตร์

ตอบ... มีปัญหา,ทบทวนวรรณกรรม,ตั้งสมมิฐาน,เก็บรวบรวมข้อมูล,วิเคราะห์ข้อมูล,สรุปผลการวิเคราะห์,ตรวจสอบ

7.       ข้อเสียของการอ้างเหตุผลของอริสโตเติล คือ

ตอบ... เป็นวิธีการที่วกวนไปมา

8.       ประเภทของการวิจัยใดต่อไปนี้ที่อาศัยเกณฑ์การแบ่งตามประโยชน์ของการใช้

ตอบ...การวิจัยพื้นฐาน

9.       การวิจัย คือ

ตอบ... การประยุกต์วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้

10.   บุคคลใดต่อไปนี้เป็นคนเริ่มต้นคิดค้นวิธีการทางวิทยาศาสตร์

ตอบ... ชาร์ล ดาวิน

 

 

 

 

 

 

แนวข้อสอบวัดแววครู

1.  (1) คดีนี้..............มานานแล้ว  ไม่รู้จะจบสิ้นกันเมื่อไร

     (2) มัว.............อยู่นั่นแหละ  รีบๆ เข้าเถอะ  เดี๋ยวจะตกรถ

     (3) บทความนี้.............เกินไป  ไม่เหมาะจะนำมาลงหนังสือพิมพ์

ก. ยืดยาว, ยืดเยื้อ, ยืดยาด                                  ค. ยืดยาด, ยืดยาว, ยืดเยื้อ                     

ข. ยืดเยื้อ, ยืดยาว, ยืดยาด                                   ง. ยืดเยื้อ, ยืดยาด, ยืดยาว

            ตอบ  ง.  ยืดเยื้อ, ยืดยาด, ยืดยาว

            ยืดเยื้อ  หมายถึง ยาวนาน, ไม่ใคร่จะจบสิ้น

            ยืดยาด หมายถึง ชักช้า, นานเวลา

            ยืดยาว หมายถึง ยาว ใช้กับการพูดหรือการเขียน    

2.  (1) คนดีย่อมมีคุณธรรมเป็นเครื่อง..............จิตใจ

     (2) เขา............ผมไว้จนดึก  จนผมกลับไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย

     (3) เมื่อเขามีโทสะ น้อยคนนักที่จะ.............เขาไว้ได้

ก. ยึดเหนี่ยว, เหนี่ยวรั้ง, หน่วงเหนี่ยว                    ค. ยึดเหนี่ยว, หน่วงเหนี่ยว, เหนี่ยวรั้ง

ข. เหนี่ยวรั้ง, หน่วงเหนี่ยว, ยึดเหนี่ยว                     ง. หน่วงเหนี่ยว, ยึดเหนี่ยว, เหนี่ยวรั้ง

ตอบ  ค.  ยึดเหนี่ยว, หน่วงเหนี่ยว, เหนี่ยวรั้ง

            ยึดเหนี่ยว  หมายถึง อาศัยเป็นที่พึ่ง

            หน่วงเหนี่ยว หมายถึง ดึงถ่วงไว้

            เหนี่ยวรั้ง หมายถึง ดึงไว้, ประวิงไว้, ชะลอไว้

3.  ตอนกลางวันที่นี่มีคนพลุกพล่าน แต่............จะเงียบเหงาไปหน่อย

ก. ยามกลางคืน                                      ค. ตอนกลางคืน

            ข. ยามราตรี                                           ง.  ตอนราตรี

ตอบ  ค.  ตอนกลางคืน      เพราะในประโยคแรกใช้คำว่า “ตอน” และ “กลางคืน” ประโยคหลังจึงต้องใช้คำว่า “ตอน” ขึ้นต้นประโยค (ตัดตัวเลือกข้อ 1 และ 2) และใช้คำว่า “กลางวัน” คู่กับ “กลางคืน” เพื่อให้สอดคล้องกัน

4.         .........ใช้น้ำและไฟฟ้าอย่างประหยัด............ท่านไม่ต้องการอยู่อย่างแห้งแล้งมืดมน .................ไม่

            สะดวกสบาย

ก. ควร เมื่อ หรือ                                     ค.  จง เพราะ และ         

ข. จง ถ้า และ                                        ง.  ต้อง เพราะ หรือ

            ตอบ  ข.  จง  ถ้า และ

-          ประโยค “ท่านไม่ต้องการอยู่อย่างแห้งแล้ง มืดมน” กับประโยค “ไม่สะดวกสบาย” มีความหมายคล้อยตามกัน จึงใช้คำเชื่อม “และ” ซึ่ง หมายถึง กับ, ด้วยกัน (ตัดตัวเลือกข้อ 1 และ  4) ประโยค “ใช้น้ำและไฟฟ้าอย่างประหยัด” เป็นเงื่อนไขที่เมื่อปฏิบัติตามแล้ว จะทำให้ “ท่าน” ไม่ต้องอยู่อย่าง “แห้งแล้งมืดมนและไม่สะดวกสบาย” จึงใช้คำเชื่อม จง ซึ่งเป็นคำช่วยกริยา บอกความบังคับหรือความหวังนำหน้าประโยคที่เป็นเงื่อนไข และใช้คำเชื่อม ถ้า ซึ่งบอกความคาดคะเน นำหน้าประโยคซึ่งกล่าวถึงผลที่จะตามมา

5. “ฝ่ายค้านปูดมีเซอไพรส์.” คำที่ขีดเส้นใต้หมายความว่าอย่างไร

ก. บอกความจริง                                                 ค.  ทำให้ไขว้เขว 

ข. เผยความลับ                                      ง.  แกล้งให้เข้าใจผิด

            ตอบ   ข.  เผยความลับ

“ปูด” ในที่นี้ใช้เป็นสำนวน หมายถึง พูดหรือเผยความลับเพราะทน เก็บไว้ไม่ได้ 

6.  ประโยคใดสื่อความหมายชัดเจนที่สุด

ก. พวกเราจะไปเยี่ยมเพื่อนที่บาดเจ็บเพราะถูกรถชนที่โรงพยาบาล

ข. เมื่อเดือนก่อนเขาทาสีบ้านที่เขาซื้อ

ค. ฉันเพิ่งทราบข่าวว่าคุณยายของนิดเสียชีวิตเมื่อเช้านี้

ง. เขาสนิทกับน้องสาวคุณอบสวาทที่เป็นพยาบาล

            ตอบ  ข.  เมื่อเดือนก่อนเขาทาสีบ้านที่เขาซื้อ

ก.  พวกเราจะไปเยี่ยมเพื่อนที่บาดเจ็บเพราะถูกรถ  ชนที่โรงพยาบาล อาจหมายถึง

     - พวกเราจะไปเยี่ยมเพื่อนไปโรงพยาบาล เพื่อนได้รับบาดเจ็บเพราะถูกรถชน หรือ

     - เพื่อนถูกรถชนที่โรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บ พวกเราจะไปเยี่ยม

ค.  ฉันเพิ่งทราบข่าวว่าคุณยายของนิดเสียชีวิตเมื่อเช้านี้  อาจหมายถึง

     - ฉันเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้านี้ ว่าคุณยายของนิดเสียชีวิต  หรือ

     - คุณยายของนิดเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ ฉันเพิ่งทราบข่าว

ง.  เขาสนิทกับน้องสาวคุณอบสวาทที่เป็นพยาบาล  อาจหมายถึง

     - คุณอบสวาทเป็นพยาบาล เขาสนิทกับน้องสาวคุณอบสวาท  หรือ

     - น้องสาวคุณอบสวาทเป็นพยาบาล เขาสนิทกับน้องสาวคุณอบสวาท

7. ข้อใดเมื่อสลับคำนามในประโยคแล้วจะมีความหมายต่างออกไปน้อยที่สุด

ก. กิ้งก่าได้ทอง                                                   ค.  ขมิ้นกับปูน

ข. คางคกขึ้นวอ                                                  ง.  ฝนทั่งให้เป็นเข็ม

            ตอบ  ค.  ขมิ้นกับปูน

- ข้อ  ค.  ขมิ้นกับปูน หมายถึง ไม่สามารถเข้ากันได้ เหมือนสีเหลืองของขมิ้น กับสีแดงของปูน ดังนั้นถึงจะสลับเป็น ปูนกับขมิ้น ความหมายก็ยังไม่ต่างไปจากเดิม

- ก, ข เมื่อสลับตำแหน่งกันแล้ว จะไม่มีความหมาย เพราะ “ทอง” และ “วอ” ไม่สามารถทำกริยา “ได้” และ “ขึ้น” ได้     ส่วนข้อ ง  เมื่อสลับตำแหน่งแล้ว ความหมายจะตรงข้ามกัน คือจากทำสิ่งใหญ่ให้กลายเป็นสิ่งเล็กกลายเป็นทำสิ่งเล็กให้กลายเป็นสิ่งใหญ่

8.  ความในข้อใดยังไม่สมบูรณ์

ก. อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ                          ค.  อันมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก            

ข. อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก                       ง.  อันที่จริงหญิงชายในโลกนี้

            ตอบ     ง.   อันที่จริงหญิงชายในโลกนี้

                        ก, ข, ค เป็นประโยค มีกริยาคือ เหมือน, หวาน, สิ้น, นิยม จึงมีเนื้อความที่สมบูรณ์

9. ข้อความต่อไปนี้อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้เพราะเหตุใด “เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งจูงหมาหน้าตาดุ๊ดุ เหมือนประสิทธิ์ยังกะอะไรดี”

ก. ใช้คำกำกวม                                                   ค. ละคำพูดบางคำไป     

ข. วางส่วนขยายผิดที่                                          ง.  เล่าเรื่องไม่ละเอียด

            ตอบ  ข.  วางส่วนขยายผิดที่ไม่รู้ว่า “หน้าตา

ตุ๊ดุ” และ “เหมือนประสิทธิ์ยังกะอะไรดี” ขยาย   “ผู้ชาย” หรือ “หมา”

10. อ่านและเรียบเรียงประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้องตามลำดับความ

     1. ซึ่งมีแทบทุกชาติทุกภาษา เช่น ชาวโรมัน-กรีกถือนก เป็นเครื่องหมายแห่งมงคล

     2. การถือมงคลเป็นเรื่องของคนโบราณ

     3. ในเวลาเช้าตื่นมาต้องดูว่า จะเห็นนกอะไรก่อน

     4. ชาวจีนโบราณ ตื่นเช้าต้องพยายามให้เห็นน้ำก่อน เพราะถือว่า

     5. แล้วก็ทำนายว่า จะมีโชคดีโชคร้ายประการใด

     6. น้ำเป็นเครื่องหมายแห่งมงคล  คือความอยู่เย็นเป็นสุข

ก. 2 1 3 5 4 6                                                    ค. 2 1 3 4 5 6  

ข. 4 6 2 1 3 5                                                    ง. 4 6 1 2 3 5

            ตอบ   ก.   2  1  3  5  4  6

 

#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน 
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์  เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
 แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ

1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)

2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3**  ราคา 699 บาท  (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)

    ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ

โทร: 082-8551615  (คุณปาณิสรา)  
 

 Line ID : Panisara_test  หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที 

 ชำระค่าสินค้าและบริการ

-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3  

-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4 

  (ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น)